“ที่วัดบางสงบนั้น เป็นวัดที่สงบเงียบตามชื่อจริงๆ วัดนี้ตั้งอยู่ในชุมชนเก่า ไม่ค่อยจะพลุกพล่าน ผู้คนอยู่กันแบบสมถะ ไม่จอแจ คนที่นั่นมีอาชีพเป็นเกษตรกรบางส่วน ส่วนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ก็ออกไปทำงานโรงงานต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงไม่ค่อยเห็นผู้คนท่าไหร่ แต่วัดนี้มีจุดเด่น คือ รูปเหมือนอดีตเกจิอาจารย์ ที่ผู้คนทั่วไปให้ความนับถือ และเรียกกันติดปากว่า “หลวงปู่จั่น” ซึ่งตอนนั้นตั้งอยู่ในพระอุโบสถของวัดบางสงบ มีคนมาสักการะบ้างเป็นครั้งคราว
ที่ผมต้องการพูดถึงหลวงปู่จั่น ก็เพราะว่า ที่ผมได้ทำงานในวัดนี้ สืบเนื่องมาจาก ทางเจ้าภาพในการปิดทองพระ เขาเป็นคนกรุงเทพฯ ได้เล่าถึงสาเหตุที่มาวัดหลวงปู่จั่นว่า มีวันหนึ่งเขาและภรรยาขับรถผ่านถนนเส้นนี้ ได้เห็นป้ายวัดบางสงบ และนึกถึงหลวงปู่จั่น จึงได้เลี้ยวรถเข้ามาที่วัดบางสงบ เพื่อจะกราบสักการะหลวงปู่ เมื่อเข้ามาในตอนแรกก็ไม่พบใคร จึงเดินไปเรื่อยๆเพื่อชมวัด จนมาถึงด้านหลังวัดที่เป็นคลองธรรมชาติ ที่ติดคลองนั้นมีศาลาหลังขนาดย่อม ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ 3 องค์ อยู่ในลักษณะเสื่อมโทรม 1 ใน 3 องค์นั้น มีสัญลักษณ์ของวัดปากน้ำ คือ ทางวัดปากน้ำได้สร้างพระพุทธรูป ขนาดหน้าตักประมาณ 2 ศอก ถวายไปตามวัดต่างๆ รวมทั้งวัดนี้ด้วย และมีพระพุทธรูปขนาด 2 ศอกอีก 2 องค์ ประกบข้างอยู่ จึงเป็นที่สะดุดตาของท่านเจ้าภาพ ในระหว่างนั้นท่านเจ้าอาวาส ของวัดบางสงบ ได้เดินมาสนทนากับท่านเจ้าภาพ จึงได้รู้ว่า ทางท่านเจ้าภาพ มีความสนใจที่จะมากราบหลวงปู่จั่น ซึ่งอยู่ในพระอุโบสถที่ปิดอยู่ ท่านเจ้าอาวาส จึงไปนำกุญแจมาเปิด เพื่อให้โยมทั้งสองเข้าไปนมัสการหลวงปู่จั่น จึงได้เห็นว่ารูปเหมือนหลวงปู่จั่น ก็ทรุดโทรมเช่นเดียวกัน
ทางเจ้าภาพได้พูดถึงพระ 3 องค์ที่อยู่ในศาลาริมคลองด้านหลัง ท่านเจ้าอาวาสจึงได้เล่าให้ฟังว่า ในตอนแรก บริเวณนั้นเป็นที่จัดงานปริวาสกรรม หรืออยู่กรรมของภิกษุ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้งาน ทุกอย่างจึงทรุดโทรมลง พอดีมีการสร้างศาลาใหม่ที่อยู่กลางน้ำท่านเจ้าภาพจึงดำริว่า อยากจะบูรณะพระทั้ง 3 องค์ รวมทั้งหลวงปู่จั่นด้วย แล้วขออนุญาตอัญเชิญขึ้นไปไว้บนศาลาหลังใหม่ที่อยู่กลางน้ำ เมื่อท่านเจ้าอาวาสได้ปรึกษากับเจ้าภาพที่สร้างศาลา เขามีความยินดี ให้อัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานพระบนศาลาที่สร้างใหม่ ดังนั้นทางท่านเจ้าภาพ ที่จะบูรณะ จึงได้แสดงความจำนง ที่จะปิดทองคำเปลวแท้ แก่ท่านเจ้าอาวาส และจะขออัญเชิญหลวงปู่จั่นขึ้นไปด้วย ท่านเจ้าอาวาสก็อนุญาต เพราะจะได้เป็นที่สะดวกแก่คนมาสักการะ ด้วยเหตุนี้เอง ท่านเจ้าภาพจึงได้เปิดเว็บไซต์ต่างๆ เกี่ยวกับการปิดทองดู จึงได้โทรติดต่อมายัง เว็บไซต์ช่างปิดทอง และได้นัดแนะกันไปดูงานที่วัดบางสงบ ในตอนแรกท่านเจ้าอาวาสคงไม่ค่อยสบายใจ เพราะไม่เคยเห็นผลงานของเรามาก่อน แต่ด้วยความเชื่อมั่นของท่านเจ้าภาพ จึงได้ตกลงให้ผมไปทำงาน และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีครับ
หลังจากที่ได้ตกลงทำสัญญากับทางเจ้าภาพประมาณวันที่ 6 มีนาคม 2564 เราจึงได้เริ่มงานในการบูรณะ พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ เนื่องจากพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ได้ทาสีทองเอาไว้ จึงต้องมีการล้างขัดลอกสีเก่าออกให้หมดทั้ง 3 องค์ แล้วโป๊วพื้นแต่งพื้นใหม่ทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 15 วัน แล้วจึงพ่นสีรองพื้นให้ครบ ตามจำนวน 3 ครั้ง แล้วยกขึ้นไปบนศาลากลางน้ำ เพื่อทำการปิดทอง เรื่องนี้เองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยาก เพราะทั้ง 3 องค์ เป็นพระทองเหลือง สมัยโบราณ ซึ่งมีน้ำหนักมาก ทางท่านเจ้าอาวาสได้ปรึกษากับญาติโยมในหมู่บ้าน ก็ได้การตอบรับที่ดี ชาวบ้านมาช่วยกัน เคลื่อนย้ายขึ้นศาลาหลังใหม่ที่อยู่กลางน้ำ เพราะต้องขึ้นบันไดสูงพอสมควร ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย พอมาถึงคราวหลวงปู่จั่นที่อยู่ในโบสถ์ บอกเลยว่ายิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ขนาดขยับยังจะไม่ไหวเลย เราต้องล้างทำความสะอาด หลวงปู่จั่นในโบสถ์นั้น เพราะจะยกไปมาคงไม่ไหว องค์ท่านเต็มไปด้วยน้ำมันยางที่คนเอามาทาเพื่อปิดทองต่างๆ จึงต้องล้างและแต่งพื้นอยู่ประมาณ 4 วัน จึงแล้วเสร็จพร้อมปิดทอง ในการเคลื่อนย้าย วันแรกต้องล้มเลิก เพราะท่านหนักมาก วันที่ 2 ทางท่านเจ้าอาวาส ได้มากราบขออนุญาต หลวงปู่จั่น แล้วชาวบ้านก็ช่วยกันยก วันนี้สำเร็จ อัญเชิญหลวงปู่ขึ้นไปบนศาลากลางน้ำได้ แต่ก็ต้องลุ้นระทึกนะครับ เพราะว่าท่านหนัก หากพลาดตกลงมา คงจะเสียหายทั้งหมด เมื่ออัญเชิญพระทั้ง 4 องค์ ขึ้นประดิษฐาน พร้อมที่จะปิดทอง เราจึงได้เชิญ เจ้าภาพ ท่านเจ้าอาวาส และชาวบ้านที่ช่วยยกพระ มาร่วมปิดทอง ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณ
วันแรกในการปิดทองพระ ท่านเจ้าอาวาส เป็นผู้ประเดิมในการปิด และประเดิมแทนเจ้าภาพ เนื่องจากเจ้าภาพติดธุระไม่สามารถมาได้ในวันนั้น และมีญาติโยมที่ช่วยยกพระได้มาปิดทองด้วย วันที่ 2 ในการปิดทอง ผมไปถึงหน้างานค่อนข้างแปลกใจเพราะวันนี้ มีคนมาที่วัดเยอะมาก มีร้านค้ามาขายของ ผมเลยถามอาจารย์ว่าทำไมวันนี้คนเยอะจัง อาจารย์ท่านตอบว่าคนที่มาปิดทองไปเมื่อวาน เขาไปเล่าให้ญาติๆ เพื่อนๆ แล้วลงใน Facebook คนถึงได้รู้ จึงอยากมาปิดทองร่วมด้วย เพราะทุกคนไม่เคยทำบุญปิดทองแบบนี้มาก่อนเลย พระอาจารย์บอกว่าบางคนไม่เคยเข้าวัดเลย ทั้งๆ ที่อยู่ ใกล้วัด ก็ได้มาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย วันที่ 3 คนก็มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่รู้จากใน Facebook คนต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ก็มาด้วย เป็นที่ยินดีของพระอาจารย์เป็นอย่างมาก วันที่ 4 วันนี้เป็นวันที่จะปิดทองหลวงปู่จั่น คนมาคอยที่ทางขึ้นบันไดศาลาตั้งแต่เช้า วันนี้ท่านเจ้าภาพในการปิดทองได้เดินทางมาปิดด้วย ญาติโยมแสดงความยินดี กับ ทางเจ้าภาพอย่างมากมาย ท่านเจ้าภาพได้เป็นคนประเดิมปิดหลวงปู่จั่น รวมทั้งท่านเจ้าอาวาส และผู้ใหญ่บ้าน กำนันในพื้นที่นั้น รวมทั้งญาติโยมต่างๆ เป็นที่ปีติยินดีของทุกๆ คน
หลังจากปิดทองเสร็จท่านเจ้าอาวาส ได้มาคุยกับผม และท่านเจ้าภาพ ว่าดีใจ ที่คนในย่านนี้ ที่ไม่ค่อยได้เข้าวัด ได้เข้ามาร่วม ในหมู่บ้าน ที่ไม่ค่อยลงรอยกันก็มาร่วมกันทำบุญ แล้วคุยกันอย่างสนิทสนมอีกครั้งหนึ่ง อาจจะเป็นด้วยอานุภาพของหลวงปู่จั่น งานทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มีแต่ความอิ่มเอิบเปรมปรีดิ์ ของท่านเจ้าอาวาส ท่านเจ้าภาพ และคนในพื้นที่ ตลอดทุกวันนี้ ศาลาแห่งนี้ ก็ได้เปิดให้คนมาสักการะหลวงปู่จั่นได้สะดวกยิ่งขึ้น และสุดท้ายนี้ ข้าพเจ้านายจักรวาล นาคแก้ว ขอให้อำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่จั่น จงดลบันดาลให้เกิด ความสุข แก่ทุกท่านด้วยเทอญ สาธุ”
เรื่องเล่าจาก คุณจักรวาล นาคแก้ว ผู้ก่อตั้งจักรวาลช่างปิดทอง