บูรณะปิดทองคำเปลวพระพุทธรูปองค์พระประธานภายในโบสถ์ ณ วัดขันเงิน จังหวัดชุมพร การทำงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นอีกหนึ่งงานที่ท้าทายแล้ว ผมยังมีความประทับใจในผู้ศรัทธาอีกด้วยครับ จึงอยากขอนำมาเล่าให้ผู้ติดตามแฟนเพจช่างปิดทอง ได้อ่านเรื่องราวการทำงานและความประทับใจ รวมถึงได้ชมภาพสวยๆ กันนะครับ
“วัดขันเงิน นี้ตั้งอยู่ในตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร วัดขันเงิน เป็นวัดเก่าแก่ อายุประมาณ 300 ปี เป็นวัดมหานิกาย ตั้งอยู่ในตลาดหลังสวนจังหวัดชุมพร ถึงจะเป็นวัดมหานิกาย แต่การปฏิบัติของพระภิกษุสามเณร ช่างเป็นที่น่าเคารพนับถืออย่างมาก โดยเฉพาะ “ท่านพระธรรมโกศาจารย์” ท่านเจ้าอาวาส และท่านยังเป็นเจ้าคณะจังหวัดชุมพรด้วย ในความคิดของผม วัดนี้เป็นวัดที่มีการปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นอย่างดี พระเณรในวัด ดูสงบเสงี่ยม เรียบร้อยน่านับถือ การที่ผมได้มาทำงานในวันนี้ สืบเนื่องมาจาก พลังศรัทธาของศิษย์ยานุศิษย์ ที่มีความเลื่อมใสในวัดนี้ ได้เปิด Google เพื่อหาช่างปิดทอง ที่เขาต้องการเพื่อให้มาทำการปิดทอง พระประธานในโบสถ์ ซึ่งเป็นพระพุทธชินราชจำลอง รวมถึงพระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร ผู้ดำเนินการในการหาช่าง และผู้ศรัทธาในงานนี้ ในสายตาของผมนะครับเป็นเด็กรุ่นใหม่ อายุยังไม่มากเลย น่าจะไม่เกิน 35 ผมรู้สึกดีมากๆ เลยที่เด็กรุ่นนี้ เป็นกำลังสำคัญของพุทธศาสนา เขาบอกว่าเขาได้เปิดดูผลงานต่างๆ หลายๆ ช่าง แล้วก็นำไปปรึกษากันระหว่างผู้ร่วมศรัทธาทั้งหลาย จึงตัดสินใจโทรมาหาผม ซึ่งตอนนั้น ผมทำงานอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี และได้คุยกันในเบื้องต้น ทางผู้ศรัทธาได้เชิญให้ผมไปดูหน้างาน เพื่อป้องกันความผิดพลาด ในตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นญาติโยมที่มีอายุมาก แต่พอเข้าไปในวัดเจอกลุ่มผู้ศรัทธาซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ ผมได้เดินทางไปที่วัดขันเงิน โดยนั่งเครื่องบินไปลงที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นทางผู้ศรัทธา ได้มารับที่สนามบินและเดินทางต่อไปที่วัด ระหว่างทางนั้นผมได้เห็นทิวทัศน์ข้างทาง มีแต่ต้นไม้ที่เขียวขจี ผมรู้สึกมีความสุขมาก พอมาถึงวัดก็ได้เห็นต้นไม้ใหญ่ๆ ภายในวัดเยอะมาก เรียกได้ว่าเป็นวัดที่ร่มรื่น และร่มเย็นอีกแห่งหนึ่งเลยครับ
หลังจากนั้นเราจึงไปที่โบสถ์ เพื่อทำการตรวจสอบภาพรวมของพระพุทธรูปที่จะทำการปิดทองคำเปลว และได้วางแผนคร่าวๆ ในการทำงานเบื้องต้นของเราแจ้งให้ทางผู้ศรัทธาทราบ ทางผู้ศรัทธานั้นจึงตัดสินใจให้ทีมงานจักรวาลช่างปิดทอง เป็นผู้รับผิดชอบในการบูรณะด้วยการปิดทองคำเปลวพระพุทธรูปภายในโบสถ์แห่งนี้ครับ”
ตอนที่ผมไปถึงโบสถ์ครั้งแรก ลักษณะของโบสถ์นั้น เป็นโบสถ์ชั้นเดียวแต่ใหญ่พอสมควร พระพุทธรูปที่ผมจะทำการปิดทองคำเปลวนั้น เป็นองค์พระประธาน ขนาด 5 ศอก ซึ่งทำการปิดทองไว้แล้ว แต่ชำรุดเสียหายเยอะมาก จึงจะทำการบูรณะใหม่ พร้อมพระบริวาร คือ พระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ สูงประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ในการทำงานครั้งนี้ เราต้องลอกพื้นเก่าออก แล้วทำพื้นขึ้นมาใหม่ เพราะพื้นเก่าแตกร้าวแทบทั้งองค์ รวมทั้งพระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตรด้วย ในวันนั้นทางผู้ศรัทธา ได้ตกลงให้ผมทำงานนี้ และผมก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันนั้น โดยทางผู้ศรัทธาได้มาส่งที่สนามบิน แล้วผมได้เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อทำงานที่นั่นให้เสร็จ ซึ่งเหลือไม่มากแล้ว ผมจะไม่ทำงาน 2 ที่ในเวลาเดียวกัน ผมจะให้เสร็จเป็นงานๆ ไป เพราะผมจะอยู่หน้างานเสมอ หลังจากนั้นประมาณ 7 วัน ผมและทีมงานจักรวาลช่างปิดทองได้เดินทางไปที่วัดขันเงินโดยทางรถยนต์ ซึ่งทางวัดก็ให้อำนวยความสะดวกในเรื่องของที่พัก และเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี เราทำงานที่นั่นประมาณ 40 วัน ในช่วงเวลาที่ปิดทอง พระธรรมโกศาจารย์ ท่านเจ้าอาวาส ได้มาประเดิมปิดทองคำเปลวให้ แล้วตามด้วยผู้ศรัทธา แต่ก็ไม่กี่คน เพราะสถานการณ์โควิด-19 ในระหว่างที่เราปิดทอง ญาติโยมก็มาสวดมนต์ ภาวนา ด้วยความปลื้มปีติ ญาติโยมทุกคนที่ได้ปิดทองด้วยมือตัวเองที่ผมอนุญาตให้ปิด ด้วยความดูแล ของทางช่าง มากระซิบบอกผมว่า ตอนปิดเขาน้ำตาไหลเลย ไม่เคยได้ทำแบบนี้มาก่อน ผมฟังดูแล้วก็รู้สึกชื่นใจไปด้วยครับ
เมื่องานปิดทองแล้วเสร็จ ทางผมและทีมงานได้เข้าไปกราบลาท่านเจ้าอาวาส ส่วนใหญ่ที่เราไปลาหลังจากทำงานปิดทองเสร็จแล้ว ท่านจะเมตตาให้วัตถุมงคล ต่างๆ แต่ที่วัดนี้ ท่านไม่มีวัตถุมงคลเลย มีแต่หนังสือ ท่านจึงให้หนังสือพวกเรามาคนละ 1 เล่ม ท่านบอกว่าของดีอยู่ในนี้ ผมจึงรู้สึกว่าท่านเป็นพระที่สมถะจริงๆ น่านับถือ และไม่ถือตัว แล้วผมจึงได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากนั้น ทางคณะผู้ศรัทธาได้ถ่ายรูป การจัดงานในโบสถ์ที่ติดรูปพระประธานมาให้ดูอยู่เรื่อยๆ ผมรู้สึกปลื้มใจมาก และหวังว่าสักวันคงได้ ไปกราบนมัสการท่านอีกครั้งครับ”